ถาม/ตอบ
1. เปิดแอร์ที่อุณหภูมิเท่าไหร่ดีประหยัดค่าไฟที่สุด
ควรเปิดพัดลมช่วยร่วมกับแอร์ตั้งแต่ 25 องศา ขึ้นไป
2. แอร์มีอายุการใช้งานเท่าไหร่ควรเปลี่ยน
ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ถ้าเปิดเกือบทุกวัน ซัก 10-12 ปี ก็ควรจะเปลี่ยน เพราะนอกจากจะช่วยลดค่าไฟแล้ว ยังได้สัมผัสกับเทคโนโลยีของแอร์รุ่นใหม่อีกด้วย
3. ติดตั้งแอรฺในห้องแนวยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า ควรจะติดแนวขวางหรือติดแนวนอน
แนะนำให้ติดแอร์ในทางยาวของห้อง เพราะลมแอร์สามารถเป่าไปทางยาวได้ดีกว่าด้านข้าง
4. ห้องโดนแดดตลอดควรเลือกซื้อแอร์อย่างไร
ห้องโดนแดดตลอดทำให้ความร้อนสะสมบริเวณผนังห้อง เปิดแอร์นานเท่าไหร่ก็ไม่เย็น ควรเลือกซื้อแอร์โดยคำนวณจำนวน BTU จากสูตร = พื้นที่ห้อง x(คูณด้วย) 1100
5. ตำแหน่งติดตั้งคอล์ยร้อน(ตู้คอมเพสเซอร์)ที่เหมาะสม
ติดตั้งในตำแหน่งที่โดนแดดน้อยที่สุด ห้ามติดในทางทิศลมตีกลับ เพื่อป้องกันลมตีความร้อนต้านแรงเป่าพัดลมแอร์ระบายความร้อน พยายามหลีกเลี่ยงในที่ไม่สามารถดูแลรักษาได้ง่ายสะดวกในระยะยาว เช่น ที่ตึกสูงนอกหน้าต่าง, ในช่องแคบๆ เป็นต้น
6. แอร์มีน้ำหยดออกมาทางท่อ หรือมีน้ำหยดออกมาตรงเครื่องแอร์เป็นเรื่องปกติไหม
โดยปกติแล้วจะมีน้ำไหลออกมาตลอดเวลา เกิดจากการระเหยของไอเย็นในเครื่องแอร์ ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะหน้าที่ของแอร์จะดูดความชื้นออกจากห้อง แต่หากหยดมากเกินไป อาจทำให้แอร์ทำงานหนัก หากผู้ที่ประสบปัญหาน้ำแอร์หยดลงมาจากเครื่องแอร์ ควรต่อท่อออกไปข้างนอก เพื่อให้มันหยดออกข้างนอกแทน
7. ในช่างหน้าร้อนแอร์ไม่เย็น เห็นท่อแอร์นอกบ้านมีน้ำแข็งเกาะอยู่ควรทำอย่างไร
สาเหตุเกิดจากพัดลมแอร์อาจอุดตัน ให้ล้างแอร์ แต่ถ้าแอร์สะอาดอยู่แล้วสันนิฐานว่าน้ำยาแอร์เหลือน้อย ต้องเติมน้ำยาเพิ่ม
8. ล้างแอร์เมื่อไหร่ดี กี่วัน กี่เดือน กี่ปี
ควรล้างก็ต่อเมื่อพัดลมในคอลย์เย็นตัน หรือลมไม่ค่อยดูด เวลาล้างให้ล้างด้วยน้ำเปล่าหรือจะใช้ผ้าใบล้างแอร์ เพื่อป้องกันน้ำเลอะเทอะ ส่วนคอล์ยร้อน หรือตู้คอมเพสเซอร์ที่ติดตั้งนอกห้อง ให้เอาน้ำฉีดจากด้านในออกจากด้านนอก ถ้าไม่ได้ก็ให้ฉีดเฉียงๆแทน ห้ามฉีดน้ำเข้าแบบตรงๆโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผุ่นจับกับน้ำเข้าไปข้างในสะสมเอาออกยาก อย่าลืมปิดแอร์และตัดระบบไฟฟ้าก่อนที่จะล้างด้วย
9. ความแตกต่างระหว่าง แอร์ธรรมดา กับ แอร์ Inverter
แอร์ธรรมดา เหมาะกับห้องที่ไม่ได้มีการใช้งานบ่อย และ มีขนาดห้องที่ไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งแน่นอนว่า BTU ก็จะเล็กไปตามขนาดของห้อง จึงทำให้ไม่ค่อยมีผลในเรื่องของการกินไฟ อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อแอร์ เพราะแอร์ระบบ Inverter จะมีราคาที่สูงกว่าแอร์ธรรมดา เมื่อห้องมีความเย็นเกินกว่าอุณหภูมิที่กำหนด ระบบก็จะทำการสั่งตัดไฟคอมเพรสเซอร์ทันที และเมื่อมีความร้อนหรืออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่กำหนด ระบบก็จะทำงานอีกครั้ง ส่วนแอร์ Inverter เหมาะกับห้องที่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน ถึงแม้จะต้องซื้อแอร์ในราคาที่สูง แต่เมื่อเทียบกับค่าไฟที่ต้องจ่ายนั้นถือว่าคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาวคอมเพรสเซอร์จะมีการปรับรอบไปตามอุณหภูมิ โดยจะเป็นการลดรอบลงเมื่ออุณหภูมิห้องเย็นเกินกว่าที่กำหนด และเร่ง เมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่กำหนด ดังนั้นจะช่วยทำให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าแอร์ธรรมดา และให้อุณหภูมิที่คงที่มากกว่า ไม่ได้เป็นการตัดไฟแล้วสตาร์ทใหม่นั่นเอง